ในสภาวะที่ต่อสู้มา ผมว่าเครดิตของคุณจตุพร เกิดขึ้นเพราะลักษณะส่วนตัวและประวัติการต่อสู้ที่ยาวนานของเขา แน่นอน เขามีข้อดี ข้อเสีย จุดอ่อน และจุดแข็ง อันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ผมรับรู้ถึงความอัดอั้นตันใจและสภาวะที่ต้องอับอาย พะอืดพะอม กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก และภาระทางใจที่แบกไว้คล้าย ๆ หนี้ที่ค้างชำระให้กับดวงวิญญาณและผู้ที่ยังมีชีวิตจำนวนมาก
จริง ๆ แล้ว พวกเราหลายคน ก็อยู่ในสภาพเดียวกับคุณจตุพร เพราะจะทำอะไรดั่งใจ มันก็รังแต่จะนำภัยสู่ตัวเอง มีคนด่าหรือใส่ร้ายจะไปตอบหมดก็ไม่ได้ มองบ้านเมืองก็เห็นแต่ความมืดมน นึกถึงทางข้างหน้าก็เหมือนการรู้ว่าจะต้องเกิดอะไรบางอย่าง ที่จะต้องหนักหนาสาหัส... ฯลฯ แต่จงใช้สติอดทนเถิดสหาย เพราะร่างที่มีลมหายใจของท่าน ที่มีสุขภาพกายและจิตที่ปกติ จะเป็นประโยชน์กับขบวนทัพประชาชนยิ่งนัก วันเวลาข้างหน้ากำลังเรียกร้องขอให้ท่านไปช่วยกันกงล้อประวัติศาสตร์อยู่มิขาด และท่านไม่มีทางเลี่ยงแน่ ๆ เพราะชะตาชีวิตของพวกเรา ถูกกำหนดให้ต้องมาดูแลบ้านเมืองในยามวิกฤติที่สุดของยุคสมัย
ลองอ่านรายงานข่าวล่าสุดเกี่ยวกับคุณจตุพร (ซึ่งผมได้รับมาทางไลน์) แล้วคิดในกรอบที่ผมชวนคิดนะครับ ... ว่าท่านจะแตกหน่อขยายแนวกว้างและลึกได้ขนาดไหน วันนี้หากเราเข้าใจสภาวการณ์และเข้าใจบุคคลที่เรามอง มันจะทำให้เราเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่ต้องไปทำลายมิตร หรือสร้างศัตรูในหมู่มิตรโดยไม่จำเป็น เพราะวันหนึ่ง เราต้องอาศัยเรี่ยวแรงของทุกท่านที่มีศักยภาพในตัวทั้งนั้น ไม่มากก็น้อย ขอให้ใจเรามุ่งในสิ่งเดียวกัน เป็นพอ
เมื่อ 18 มี.ค.58 นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานนปช. กล่าวผ่านรายการมองไกล ทางพีซทีวี ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เข้าจับกุมอาวุธและสัญลักษณ์ต่างๆที่เชื่อมโยงมายังกลุ่มคนเสื้อแดงได้ภายใน วัดป่าสีวลี จ.สระบุรี ว่า ประหลาดใจมาก วัดนี้ที่มีพระรูปเดียว การไปจับแล้วนำไปรวมกับอาวุธ ธง สัญลักษณ์อะไรต่างๆของนปช. ประมวลเหตุการณ์ทั้งสยามพารากอน ศาลอาญา แล้วก็มาวัดป่าสีวลี จะนำไปสู่อะไร แต่สิ่งหนึ่งความอดทนระหว่างกันเป็นเรื่องสำคัญ นายกฯประกาศเป็นประชาธิปไตยกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นประชาธิปไตยมากกว่ารัฐบาลประชาธิปไตย ถ้าฝ่ายตนสวดมนต์ก็ยังกระทบกระเทือน ดังนั้นขอสื่อสารไปยังคนที่ติดตามเรื่องราวต่างๆ อะไรที่เป็นความขุ่นข้องหมองใจระหว่างกัน ควรปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา บอกมาจะให้ไปคุยที่ไหน เพราะเราต้องการรักษาบรรยากาศในบ้านเมืองเหมือนกัน นายจตุพรกล่าวว่า ได้เดินทางไป กสทช. กับพรรคพวกเกี่ยวกับเรื่องที่เกี่ยวกับทีวีคนเสื้อแดง การปิดทีวีเป็นการทำร้ายหัวใจเหมือนกัน ทำร้ายหัวใจฝ่ายเดียว ไม่ใช่คนไม่สู้คน แต่เราต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ไม่บอบช้ำกว่านี้ ทีวีบางช่องใช้ถ้อยคำยิ่งกว่าทีวีเสื้อแดง ไม่เห็นมีปัญหา แต่ก็ไม่ทราบที่ทำ ต้องการบีบบังคับให้ทำอะไร เข้าใจการทำหน้าที่ กสทช. เราก็เปิดรายการฟังความรอบด้าน เชิญแต่ละสีมาทั้งหมด แต่เชิญมาทั้งวันไม่ได้ เพราะหาคนยาก แต่พวกเราพยายามเปิดประตู คนในแม่น้ำ 5 สาย พวกเป่านกหวีดก็เชิญ เพื่อฟังความรอบด้านว่าเราไม่ได้ฟังเฉพาะพวกเราเท่านั้น แต่ถ้าความเห็นต่างซีกเดียว ไม่ได้ จากเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ถามว่า ปัญหาปัจจุบันของชาติที่หนักอยู่แล้ว แต่ละฝ่ายก็รู้ มีทุกข์อันแสนสาหัส ทำไมไม่สร้างบรรยากาศไม่ให้เลวร้าย ปิดโทรทัศน์เป็นเรื่องเล็ก แต่คนนำประเทศกลับเหมือนเดิม ไม่ใช่พวกผม การที่สังคมจะอยู่ด้วยกันได้ แต่ละฝ่ายควรจะมีที่ยืน เริ่มต้นปฏิบัติเหมือนกัน อยู่ไปอยู่มาจะเลือกปฏิบัติ หวังว่าเสียงวันนี้จะไปถึงหูผู้นำรัฐบาล เราจะอยู่ท่ามกลางปัญหาหรือต้องการแก้ไขปัญหา แสดงให้เห็นว่าโลกเป็นประชาธิปไตย นายจตุพร กล่าวอีกว่า การแสดงความเห็นโดยไม่เป็นปัญหา เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทำไมต้องไปบีบบังคับให้คนไม่มีที่ยืน หรือบีบบังคับให้จนตรอก เราเป็นคนไทย ไม่มีใครกลัวใคร เคยประกาศเส้นทางนี้ไม่ตายก็ติดคุก ถ้าเรารักชาติบ้านเมืองมากกว่ารักตัวเอง แต่ละฝ่ายควรเปิดใจให้กว้าง คิดว่าชาติบ้านเมืองเป็นของเรา อะไรที่เกินเลย บีบคั้นหัวใจอย่าทำ ปัญหาต่างๆก็เคยเห็นมาแล้ว ที่เรียกกันว่า น้ำผึ้งหยดเดียว จากไม่มีอะไรก็กลายเป็นปัญหา ส่วนจะตัดสินใจอะไร จะไปร้องขออะไรไม่ได้ ในฐานะทำเป็นหัวแถวของคนซีกนี้ พวกผมเป็นคนมีเกียรติ ที่ต้องการสื่อสารอย่างมีเหตุผล ไม่ต้องการให้ใครมาซ้ำเติม มีเรื่องกันง่าย ต่อสู้กันไม่ยาก แต่สภาพการณ์ประเทศขนาดนี้ ต่างเห็นกันแล้วไม่ใช่หรือ ถามประชาชนว่ารู้สึกอย่างไร สิ่งที่เราได้ประจักษ์ มีความรู้สึก การแสดงความเห็นใดๆก็ตาม ได้บอกหมู่มิตรเสมอ มาจัดรายการก็ต้องระมัดระวัง อย่าสอพลอผู้มีอำนาจ อย่าทรยศประชาชน อย่างที่บอก พวกผมโชคร้าย สวดมนต์ก็ยังไม่น่าฟัง เริ่มต้นเสมอกัน แต่จะปฏิบัติกันอีกแบบ ปัญหาที่พวกท่านแก้กันก็หนักอยู่แล้ว อย่ามาเพิ่มปัญหาอีกเลย เราต้องมีสติ สมาธิ เราผ่านอะไรมามากมาย ไม่มีใครไม่เคยท้อ ไม่เคยล้ม แต่ล้มแล้วจะลุกขึ้นมายืนเร็วสุดเมื่อใด ขบวนการประชาชนล้มมาไม่รู้กี่รอบ แต่ก็ลุกขึ้นมายืนได้ เหตุการณ์วันข้างหน้าอาจหนักหนาแสนสาหัส แต่ที่ผ่านมา ถ้าเราทำใจปกติ ใช้สมอง ความรอบครอบ เชื่อว่าจะผ่านความเลวร้ายไปได้ บางฝ่ายที่ต้องการเห็นคือ เราขาดสติแล้วทำให้ขาดความรอบครอบ พวกที่คิดจะหักด้าพร้าด้วยเข่า บีบให้อีกฝ่ายไม่มีที่ยืน ภายใต้คำว่าปรองดอง อย่าลืมคนไทยรักสงบ แต่รบไม่ขลาด ไม่มีใครกลัวใคร ผมเป็นลูกผู้ชายพอ ไม่มีอะไรซับซ้อน ยืนหยัดในแนวทางต่อสู้ ไม่ใช่หน้าอย่างหลังอย่าง ใช่คือใช่ ไม่ใช่คือไม่ใช่ ต้องการให้บ้านเมืองสงบ ไม่ออกไปขับเคลื่อนก็ไม่ขับเคลื่อน ปากกับใจตรงกัน เราต่างฝ่ายต้องเปิดใจให้กว้าง อย่าบีบให้คนไทยอย่างผมไม่มีที่ยืน เราเป็นคนไทย เช่นเดียวกับคนไทยทุกคนที่เป็นเจ้าของแผ่นดินไทยเหมือนกัน
๙๙๙0000000000123456789Z
เมื่อ 18 มี.ค.58 นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานนปช. กล่าวผ่านรายการมองไกล ทางพีซทีวี ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เข้าจับกุมอาวุธและสัญลักษณ์ต่างๆที่เชื่อมโยงมายังกลุ่มคนเสื้อแดงได้ภายใน วัดป่าสีวลี จ.สระบุรี ว่า ประหลาดใจมาก วัดนี้ที่มีพระรูปเดียว การไปจับแล้วนำไปรวมกับอาวุธ ธง สัญลักษณ์อะไรต่างๆของนปช. ประมวลเหตุการณ์ทั้งสยามพารากอน ศาลอาญา แล้วก็มาวัดป่าสีวลี
จะนำไปสู่อะไร แต่สิ่งหนึ่งความอดทนระหว่างกันเป็นเรื่องสำคัญ นายกฯประกาศเป็นประชาธิปไตยกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นประชาธิปไตยมากกว่ารัฐบาลประชาธิปไตย ถ้าฝ่ายตนสวดมนต์ก็ยังกระทบกระเทือน ดังนั้นขอสื่อสารไปยังคนที่ติดตามเรื่องราวต่างๆ อะไรที่เป็นความขุ่นข้องหมองใจระหว่างกัน ควรปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา บอกมาจะให้ไปคุยที่ไหน เพราะเราต้องการรักษาบรรยากาศในบ้านเมืองเหมือนกัน
นายจตุพรกล่าวว่า ได้เดินทางไป กสทช. กับพรรคพวกเกี่ยวกับเรื่องที่เกี่ยวกับทีวีคนเสื้อแดง การปิดทีวีเป็นการทำร้ายหัวใจเหมือนกัน ทำร้ายหัวใจฝ่ายเดียว ไม่ใช่คนไม่สู้คน แต่เราต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ไม่บอบช้ำกว่านี้ ทีวีบางช่องใช้ถ้อยคำยิ่งกว่าทีวีเสื้อแดง ไม่เห็นมีปัญหา แต่ก็ไม่ทราบที่ทำ ต้องการบีบบังคับให้ทำอะไร เข้าใจการทำหน้าที่ กสทช.
เราก็เปิดรายการฟังความรอบด้าน เชิญแต่ละสีมาทั้งหมด แต่เชิญมาทั้งวันไม่ได้ เพราะหาคนยาก แต่พวกเราพยายามเปิดประตู คนในแม่น้ำ 5 สาย พวกเป่านกหวีดก็เชิญ เพื่อฟังความรอบด้านว่าเราไม่ได้ฟังเฉพาะพวกเราเท่านั้น แต่ถ้าความเห็นต่างซีกเดียว ไม่ได้ จากเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ถามว่า ปัญหาปัจจุบันของชาติที่หนักอยู่แล้ว แต่ละฝ่ายก็รู้ มีทุกข์อันแสนสาหัส
ทำไมไม่สร้างบรรยากาศไม่ให้เลวร้าย ปิดโทรทัศน์เป็นเรื่องเล็ก แต่คนนำประเทศกลับเหมือนเดิม ไม่ใช่พวกผม การที่สังคมจะอยู่ด้วยกันได้ แต่ละฝ่ายควรจะมีที่ยืน เริ่มต้นปฏิบัติเหมือนกัน อยู่ไปอยู่มาจะเลือกปฏิบัติ หวังว่าเสียงวันนี้จะไปถึงหูผู้นำรัฐบาล เราจะอยู่ท่ามกลางปัญหาหรือต้องการแก้ไขปัญหา แสดงให้เห็นว่าโลกเป็นประชาธิปไตย
นายจตุพร กล่าวอีกว่า การแสดงความเห็นโดยไม่เป็นปัญหา เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทำไมต้องไปบีบบังคับให้คนไม่มีที่ยืน หรือบีบบังคับให้จนตรอก เราเป็นคนไทย ไม่มีใครกลัวใคร เคยประกาศเส้นทางนี้ไม่ตายก็ติดคุก ถ้าเรารักชาติบ้านเมืองมากกว่ารักตัวเอง แต่ละฝ่ายควรเปิดใจให้กว้าง คิดว่าชาติบ้านเมืองเป็นของเรา อะไรที่เกินเลย บีบคั้นหัวใจอย่าทำ ปัญหาต่างๆก็เคยเห็นมาแล้ว ที่เรียกกันว่า น้ำผึ้งหยดเดียว จากไม่มีอะไรก็กลายเป็นปัญหา ส่วนจะตัดสินใจอะไร จะไปร้องขออะไรไม่ได้ ในฐานะทำเป็นหัวแถวของคนซีกนี้ พวกผมเป็นคนมีเกียรติ ที่ต้องการสื่อสารอย่างมีเหตุผล ไม่ต้องการให้ใครมาซ้ำเติม มีเรื่องกันง่าย ต่อสู้กันไม่ยาก แต่สภาพการณ์ประเทศขนาดนี้ ต่างเห็นกันแล้วไม่ใช่หรือ ถามประชาชนว่ารู้สึกอย่างไร สิ่งที่เราได้ประจักษ์ มีความรู้สึก การแสดงความเห็นใดๆก็ตาม ได้บอกหมู่มิตรเสมอ มาจัดรายการก็ต้องระมัดระวัง อย่าสอพลอผู้มีอำนาจ อย่าทรยศประชาชน อย่างที่บอก พวกผมโชคร้าย สวดมนต์ก็ยังไม่น่าฟัง เริ่มต้นเสมอกัน แต่จะปฏิบัติกันอีกแบบ ปัญหาที่พวกท่านแก้กันก็หนักอยู่แล้ว อย่ามาเพิ่มปัญหาอีกเลย เราต้องมีสติ สมาธิ เราผ่านอะไรมามากมาย ไม่มีใครไม่เคยท้อ ไม่เคยล้ม แต่ล้มแล้วจะลุกขึ้นมายืนเร็วสุดเมื่อใด ขบวนการประชาชนล้มมาไม่รู้กี่รอบ แต่ก็ลุกขึ้นมายืนได้ เหตุการณ์วันข้างหน้าอาจหนักหนาแสนสาหัส แต่ที่ผ่านมา ถ้าเราทำใจปกติ ใช้สมอง ความรอบครอบ เชื่อว่าจะผ่านความเลวร้ายไปได้ บางฝ่ายที่ต้องการเห็นคือ เราขาดสติแล้วทำให้ขาดความรอบครอบ พวกที่คิดจะหักด้าพร้าด้วยเข่า บีบให้อีกฝ่ายไม่มีที่ยืน ภายใต้คำว่าปรองดอง อย่าลืมคนไทยรักสงบ แต่รบไม่ขลาด ไม่มีใครกลัวใคร ผมเป็นลูกผู้ชายพอ ไม่มีอะไรซับซ้อน ยืนหยัดในแนวทางต่อสู้ ไม่ใช่หน้าอย่างหลังอย่าง ใช่คือใช่ ไม่ใช่คือไม่ใช่ ต้องการให้บ้านเมืองสงบ ไม่ออกไปขับเคลื่อนก็ไม่ขับเคลื่อน ปากกับใจตรงกัน เราต่างฝ่ายต้องเปิดใจให้กว้าง อย่าบีบให้คนไทยอย่างผมไม่มีที่ยืน เราเป็นคนไทย เช่นเดียวกับคนไทยทุกคนที่เป็นเจ้าของแผ่นดินไทยเหมือนกัน
No comments:
Post a Comment