Sunday, March 15, 2015

การออกกฎหมายใหม่ โดย สนช. ที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย 11 ฉบับ และอันตรายของการสยบยอม

ในช่วงค่ำของวันที่ 13 มีนาคม ศกนี้ ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ กฎหมายใหม่ 11 ฉบับ ทั้ง ระดับพระราชบัญญัติ และพระราชกฤษฎีกา กฎหมายทั้ง 11 ฉบับ ประกอบด้วย

  1. พระราชบัญญัติราชบัณฑิตยสภา พ.ศ. ๒๕๕๘
  2. พระราชบัญญัติการรับขนทางอากาศระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘
  3. พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๕๕๘
  4. พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘
  5. พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ. ๒๕๕๘
  6. พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๓) พ.ศ. ๒๕๕๘
  7. พระราชบัญญัติการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับ พ.ศ. ๒๕๕๘
  8. พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลพระธาตุขิงแกง อำเภอจุน จังหวัดพะเยา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๕๘
  9. พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลโนนสะอาด อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. ๒๕๕๘
  10. พระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนเขตอำเภอท่าปลากับอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. ๒๕๕๘
  11. พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘


ในภาวะปกติ การออกประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา ทีเดียว 11 ฉบับเนี่ย ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง แสดงว่าทำงานกันขยันขันแข็งมาก และหากเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเร่งด่วนและสำคัญต่อประโยชน์ของชาติ ก็ถือว่าน่าชื่นชม  แต่วันนี้ กลุ่มเนติบริกรที่ประกอบด้วยทหารเข้าไปบงการนับครึ่ง หาได้มีความชอบธรรมใด ๆ ไม่ ที่จะมาร่วมกันออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ด้านต่าง ๆ มาครอบงำ บังคับให้คนทั้งชาติต้องยอมรับและปฏิบัติตา  ดูแบบเป็นธรรม เรื่องเหล่านี้ ก็คงมีการชงกันมาก่อนหน้านี้นานแล้ว และคงมีคณะทำงานในระดับล่าง ๆ ลงไปชงขึ้นมา  แต่สิ่งที่เราต้องตั้งคำถามก็คือ การใด ๆ ที่สำคัญ ๆ และเกี่ยวกับโครงสร้างอำนาจ ที่มีผลต่อความเป็นไปของบ้านเมือง เช่น เรื่องการแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การเวนคืนที่ดิน (โดยที่ประชาชนในเขตที่ถูกกระทบไม่ได้มีตัวแทนไปปกป้องสิทธิของพวกเขาแทนพวกเขาในสภา และแม้แต่เรื่องของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งผูกพันกับชีวิตของประชาชนทุกคน สมควรที่จะให้คณะเนติบริกรใต้รองเท้าบู๊ตทหารมาเป็นผู้กำหนดกระนั้นหรือ? 

รัฐบาลไทยเวลานี้ ต่างชาติเขาไม่ได้เรียกว่าเป็นรัฐบาลปกติ หรือเป็นตัวแทนของปวงชน แต่เขาเรียกว่า junta ซึ่งแปลก็คือ รัฐบาลทหารที่แย่งอำนาจประชาชนมาครองชั่วคราว ด้วยการใช้กำลังปล้นอำนาจมา (ผ่านการรัฐประหาร)   ดังนั้น ในหลายประเทศที่มีมาตรฐานทางประชาธิปไตยและถือมั่นในสนธิสัญญาระดับสากลอย่างเคร่งครัด เขาจะไม่มีการให้โอกาสตัวแทนเผด็จการทหารหรือ  junta เข้าพูดคุยในระดับทวิภาคีฯ  เขารังเกียจ  จะมีก็แต่พวกมิตรประเทศใหญ่ ๆ ย่านเอเชีย ที่มีผลประโยชน์มหาศาลกับแผ่นดินไทย อย่างจีนและญี่ปุ่นเท่านั้น ที่เห็นแก่ผลประโยชน์เฉพาะหน้าสำคัญชนิดที่ทิ้งไม่ได้ เราก็เข้าใจ 

แต่เราจะต้องยอมรับให้คนพวกนี้ มาทำการแทนเรา โดยเราไม่เห็นชอบ ไม่ได้กลั่นกรอง ไม่ได้แม้แต่จะวิพากษ์วิจารณ์ ไปอีกนานแค่ไหนหรือ?  

Image: Credit justice.gov 

No comments:

Post a Comment